แหล่งที่มาแห่งความเป็นเลิศ

แม้ว่าคาร์เทียร์จะเป็นผู้ค้าอัญมณีเลื่องชื่อระดับโลก หากแต่สัดส่วนการใช้งานเพชรของคาร์เทียร์เป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการใช้เพชรทั่วโลก แท้จริงแล้ว สินค้าเครื่องประดับอัญมณีส่วนใหญ่นั้นมิได้อยู่ภายใต้แบรนด์ใด อย่างไรก็ตาม เราเลือกที่จะรับบทบาทเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามจริยธรรมเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เรายินดีทำอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงชื่อเสียงของคาร์เทียร์และพันธกิจสู่ความเป็นเลิศของเรา

เพราะฉะนั้น นโยบายความรับผิดชอบขององค์กรของเราจึงให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการต่อต้านเพชรแห่งความขัดแย้ง

เพชรแห่งความขัดแย้ง

องค์การสหประชาชาติได้ให้คำจำกัดความเพชรแห่งความขัดแย้งว่าเป็น “เพชรที่ได้มาจากพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อสนับสนุนด้านการเงินในการปฏิบัติการทางทหารเพื่อต่อต้านรัฐบาลเหล่านี้ หรือละเมิดการตัดสินใจของสภาความมั่นคง”

ชื่อเรียกนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 1990 ท่ามกลางความขัดแย้งที่สร้างความเสียหายให้แก่หลายๆ ประเทศในทวีปแอฟริกาซึ่งรวมถึงประเทศเซียร์รา เลโอน, ลิเบอร์เรีย และแองโกลา และประเทศอื่นๆ ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้เกิดการระดมกำลังครั้งใหญ่ภายใต้ความคุ้มครองขององค์การสหประชาชาติ บรรดารัฐผู้ผลิตเพชร ประเทศผู้นำเข้าและส่งออกเพชร ตัวแทนอุตสาหกรรมเพชร และ NGO (องค์กรไม่แสวงผลกำไรนอกภาครัฐ) ต่างพยายามช่วยกันฟื้นฟูสันติภาพให้กับประเทศในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง

โดยมีจุดประสงค์ร่วมกันคือเพื่อรับประกันเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแก่ประเทศเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเขตแอฟริกาตอนใต้ซึ่งการค้าเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง

กระบวนการคิมเบอรี่ (KIMBERLEY PROCESS)

กระบวนการคิมเบอรี่เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2000 ผ่านความพยายามร่วมขององค์การสหประชาชาติ รัฐผู้ผลิตเพชร ตัวแทนอุตสาหกรรมเพชร และองค์กรไม่แสวงผลกำไรนอกภาครัฐ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มี “เพชรแห่งความขัดแย้ง” เข้าสู่ตลาดโลก ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2007 กระบวนการคิมเบอรี่ประกอบด้วยสมาชิก 54 เสียงโดยเป็นตัวแทนของรัฐบาล 81 ประเทศ (สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกนับเป็นสมาชิกเสียงเดียว) ซึ่งถือว่าเป็นการผนึกรวมผู้มีส่วนได้เสียส่วนใหญ่ในการผลิตและการค้าเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนเข้าไว้ด้วยกัน

กระบวนการคิมเบอรี่ได้กำหนดระบบการรับรองเพชรขึ้นซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2003 เพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนจะต้องส่งออกภายในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท พร้อมหมายเลขและหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดที่ออกโดยรัฐบาล และมีการตรวจสอบเป็นประจำ ประเทศใดที่ฝ่าฝืนจะได้รับการลงโทษและถูกกีดกันทางการค้า ผลลัพธ์ในปี 2006 ปรากฏว่าเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไนประมาณ 99% ที่หมุนเวียนอยู่นั้นได้รับการรับรองว่ามาจากแหล่งที่ไม่มีความขัดแย้ง

ระบบการรับประกันโดยสมัครใจ

ระบบการรับประกันนี้เป็นส่วนเสริมของกระบวนการคิมเบอรี่ โดยมีผลใช้กับเพชรที่ขัดแล้ว ซึ่งได้แก่เพชรที่เจียระไนแล้ว อุตสาหกรรมเพชรทุกภาคส่วนต่างให้คำมั่นที่จะสนับสนุนการยุติการค้าเพชรแห่งความขัดแย้งผ่านมาตรการเสริมที่มีผลต่อการผลิตและการค้าเพชรและเครื่องประดับอัญมณีนี้ ผู้ขายเพชรที่เจียระไนแล้วทุกรายจะออกใบรับประกัน ซึ่งจะมีการส่งต่อให้ผู้ครอบครองเพชรรายใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนมือ ใบรับประกันนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเพชรนี้ไม่ใช่เพชรที่มีความขัดแย้ง และจะแสดงบนใบกำกับสินค้าที่ผ่านมาทั้งหมดตลอดเส้นทางการเดินทางของเพชร

คาร์เทียร์

ที่คาร์เทียร์ เราซื้อเพชรทั้งหมดของเราภายใต้ระบบการรับประกันนับตั้งแต่โครงการนี้เริ่มนำมาใช้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2003 ซึ่งเราจะดำเนินการเพื่อขอใบรับประกันสำหรับใบกำกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเพชรทั้งหมดที่เราได้รับ

ตามที่เราได้ระบุในนโยบายความรับผิดชอบขององค์กร พันธกิจของเราครอบคลุมขอบเขตอื่นๆ นอกเหนือจากเพชรด้วย ซึ่งพันธกิจดังกล่าวมีผลกับกลุ่มสินค้าทั้งหมดของเรา และครอบคลุมทั้งด้านจรรยาบรรณ สังคม และสิ่งแวดล้อม

หากต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเพชร เราขอแนะนำให้คุณดูข้อมูลที่เว็บไซต์ www.diamondfacts.org เว็บไซต์นี้สร้างขึ้นตามความคิดริเริ่มของ World Diamond Council ซึ่งเป็นองค์กรสากลที่ทำหน้าในการขจัดการค้าเพชรที่มาจากพื้นที่ขัดแย้งหรือระงับข้อพิพาทด้านสิทธิมนุษยชน

คาร์เทียร์ร่วมงานกับซัพพลายเออร์ที่มีค่านิยมเดียวกันในลักษณะความสัมพันธ์ระยะยาว เราทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ของเราทุกวันเพื่อช่วยให้พวกเขาเคารพและสนับสนุนพันธกิจประจำเมซงของเรา

นโยบายการจัดหาแหล่งวัตถุดิบของคาร์เทียร์

คาร์เทียร์จัดหาวัตถุดิบด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบ มีความรับผิดชอบ และมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพด้านจริยธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของอัญมณี

จากอัญมณีก้อนหยาบไปจนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของผลงานสร้างสรรค์เครื่องประดับ กระบวนการแบบดั้งเดิมและแบบ “การปรับเปลี่ยนอย่างล้ำลึก” สามารถทำให้อัญมณีเปลี่ยนแปลงไปได้
  1. การเจริญเติบโตของแร่:

    ในช่วงการเจริญเติบโต แร่ธาตุจะถูกนำส่งผ่านกระบวนการผลิตที่มีอุณหภูมิและความดันสูง รวมถึงองค์ประกอบทางเคมีภายนอกบางประเภทอาจรวมและปรับเปลี่ยนโครงสร้างผลึกของแร่ธาตุเหล่านั้น

  2. กระบวนการสำหรับอัญมณีก้อนหยาบ ซึ่งยังไม่ผ่านเจียระไนหรือขัดเงา:

    กระบวนการแบบดั้งเดิม: การให้ความร้อนเพื่อปรับเปลี่ยนสีเทียบกับการปรุงแต่งด้วย “การปรับเปลี่ยนในระดับลึก” เช่น การย้อมสีหรือการอัดสารโพลิเมอร์

  3. การเจียระไนและการขัดเงา:

    กระบวนการแบบดั้งเดิม: การใช้แว็กซ์ในระหว่างการขัดเงา

  4. กระบวนการหลังเจียระไน:

    กระบวนการแบบดั้งเดิม: การเติมน้ำมันไร้สีเพื่อประสานพื้นผิว
    การปรุงแต่งด้วย “การปรับเปลี่ยนอย่างล้ำลึก”: การเคลือบ การย้อม การใช้แก้วตะกั่วอุดรอยร้าว การให้ความร้อนด้วยการแพร่สารเคมี...

นโยบายการดูแลรักษาอัญมณีสีของคาร์เทียร์

เพื่อส่งเสริมความงามตามธรรมชาติ คาร์เทียร์จึงคัดสรรเฉพาะอัญมณีจากธรรมชาติในการรังสรรค์เครื่องประดับของเมซง โดยจะไม่นำวัสดุสังเคราะห์และวัสดุเลียนแบบเข้าไว้ในคอลเลคชันเครื่องประดับของเมซง
เฉพาะกระบวนการแบบดั้งเดิมเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับสำหรับทรีทเม้นต์อัญมณีในงานเครื่องประดับ: สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีการดูแลรักษา ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการค้าอัญมณีในอดีต หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “การดัดแปลง” และส่วนใหญ่ไม่ถือว่าเป็นทรีทเม้นต์โดยสมาพันธ์อัญมณีโลก (World Jewellery Confederation)
คาร์เทียร์ห้ามไม่ให้ใช้กระบวนการใดๆ ในการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบหรือความทนทานของอัญมณี

การให้ความสำคัญกับทับทิม แซฟไฟร์ และมรกต

ทับทิมและแซฟไฟร์

อัญมณีที่มีน้ำหนักเกิน 1 กะรัตขึ้นไป จะไม่ผ่านกระบวนการให้ความร้อน โดยจะอนุญาตให้ใช้ความร้อนสำหรับอัญมณีที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 1 กะรัตเท่านั้น

เหตุใดทับทิมและแซฟไฟร์จึงต้องได้รับความร้อน

การให้ความร้อนเป็นขั้นตอนทั่วไปในการปรับปรุงสี
สำหรับทับทิม
ความร้อนจะช่วยกำจัดโทนสีน้ำเงินหรือน้ำตาล และทำให้อัญมณีเป็นสีแดงเข้ม ความร้อนจะมีประโยชน์ต่อการปรับปรุงสีซีดของแซฟไฟร์ โดยจะช่วยเพิ่มความเข้มของสี และทำให้แซฟไฟร์ที่มีสีเข้มแลดูสว่างขึ้นเมื่อสัมผัสกับความร้อน หลังจากให้ความร้อนแล้ว สีของอัญมณีจะคงสภาพ ไม่เปลี่ยนแปลง

มรกต

คาร์เทียร์ยอมรับเฉพาะการเติมน้ำมันไร้สีเท่านั้น ไม่ยอมรับการเติมเรซิน

ระดับน้ำมันจะถูกจำกัดให้อยู่ในระดับที่น้อยมากเมื่อเทียบกับวงการเครื่องประดับทั่วโลก:

    • ระดับสูงสุดของการเติมน้ำมันเพียง “เล็กน้อย” สำหรับอัญมณีเจียระไนเหลี่ยม น้ำหนักมากกว่า 1 กะรัต
    • ระดับสูงสุดของการเติมน้ำมันแบบ “ปานกลาง” สำหรับอัญมณีที่ไม่มีการเจียระไนเหลี่ยม (คาโบชง ลูกปัด และอัญมณีแกะสลัก)

เหตุใดจึงต้องแช่มรกตในน้ำมัน

มรกตเป็นอัญมณีที่มีสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กเจือปนอยู่ตามธรรมชาติ การเติมน้ำมันเพื่อประสานพื้นผิวให้มีความเรียบเนียนจะทำให้อัญมณีมีความโปร่งใสมากขึ้น การแช่มรกตในน้ำมันเป็นกระบวนการสำหรับอัญมณีที่บันทึกไว้ในสมัยโบราณและสืบสานต่อกันมาจวบจนปัจจุบัน เนื่องจากการเติมน้ำมันในอัญมณีเป็นขั้นตอนแบบย้อนกลับได้ จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือดัดแปลงอัญมณี โดยอัญมณีที่มีระดับการเติมน้ำมันต่ำสุดจะมีมูลค่าสูงกว่า

การปรุงแต่งอัญมณีและวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์

เทคนิคการปรุงแต่งและความสามารถในการคิดค้นเทคนิคเหล่านี้พัฒนาไปตามกาลเวลา อัญมณีของคาร์เทียร์ผ่านการวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการที่ได้รับการยอมรับ และการจัดการสิ่งแปลกปลอมที่เจือปนอยู่จะใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดในปัจจุบัน

แหล่งที่มาของทองคำ

เนื่องจากจุดยืนที่โดดเด่นของคาร์เทียร์ในวงการอัญมณี เราเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคมของเมซงนั้นไม่เพียงครอบคลุมการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของเราเท่านั้น แต่ทว่ายังมีบทบาทในวงกว้างในการแสวงหาการสร้างความแตกต่างในอุตสาหกรรมอัญมณีโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำเหมืองและการผลิตโลหะมีค่าและแร่ธาตุ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เราได้พยายามทำความเข้าใจความท้าทายที่ภาคอุตสาหกรรมของเรานั้นเผชิญหน้าอยู่ให้ถ่องแท้ยิ่งขึ้น เพื่อหาทางออกสำคัญในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสกัดโลหะมีค่าในโครงการขนาดใหญ่รวมถึงการขุดเหมืองแร่โลหะมีค่าแบบดั้งเดิม

ซึ่งรวมถึงประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และในบางกรณียังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวน่าวิตกด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน ถึงแม้ว่าประเด็นเหล่านี้จะไม่ได้จำกัดอยู่ในห่วงโซ่อุปทานของเครื่องประดับอัญมณีเท่านั้น และแน่นอนว่าภาคอุตสาหกรรมนั้นไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เพียงลำพังหากไม่ได้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาล อุตสาหกรรมของเราต้องรับมือกับความท้าทายนี้ เพราะว่าของขวัญที่เป็นเครื่องประดับอัญมณีนั้นแฝงด้วยสัญลักษณ์เฉพาะ และลูกค้าต่างไว้วางใจเราโดยเชื่อมั่นว่าชิ้นงานที่พวกเขาซื้อนั้นจะคงอยู่อย่างเจิดจรัสตลอดไป

ที่คาร์เทียร์ ผู้จัดหาทองคำของเราได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรถึงการจัดหาทองคำอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและการรับรองที่ดีที่สุด พวกเขายังให้คำมั่นที่จะดำเนินการทุกมาตรการที่เป็นไปได้ ทั้งภายในการดำเนินงานและขอบเขตของอิทธิพล เพื่อป้องกันการนำทองคำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของนาฬิกาและเครื่องประดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำที่พวกเขาจัดหาให้เรา

เพื่อคงไว้ซึ่งความทุ่มเทสู่ความเป็นเลิศนับตั้งแต่การก่อตั้งเมซงในปี 1847 คาร์เทียร์ยึดมั่นในหลักการและหลักปฏิบัติเพื่อการประกอบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบที่ยั่งยืนด้วย เราทำงานเพื่อสนับสนุนหลักการและหลักปฏิบัติดังกล่าวในทุกกลุ่มธุรกิจ ซึ่งรวมถึงสินค้าประเภทหนังสัตว์

เราทุ่มเททำงานเพื่อพัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป และการค้าหนังสัตว์โดยทั่วไปทั่วโลก และหนังสัตว์หายากเป็นกรณีพิเศษเพื่อพัฒนา สนับสนุน และดำเนินการในการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน และเสนอแนวทางปฏิบัติในส่วนนี้

ในปี 2009 คาร์เทียร์ได้เข้าร่วมกับ THE RESPONSIBLE LUXURY INITIATIVE

The Responsible Luxury Initiative (ReLI) ประกอบด้วยบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์หรู ซึ่งต่างมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามหลักปฏิบัติเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และสวัสดิภาพที่ดีของสัตว์ในการประกอบธุรกิจ

ภารกิจของคณะนี้คือการหารือเกี่ยวกับความท้าทายร่วมกันในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และระบบการจัดการที่ภาคอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์หรูต้องเผชิญ เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส การแบ่งปันความรู้ และความร่วมมือทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

แนวทางการดำเนินงานของ ReLI ตั้งอยู่บนพื้นฐานต่อไปนี้:

  • การค้นคว้าวิจัยผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจากการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ
  • การปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้สำหรับปัญหาความยั่งยืน
  • การทำงานร่วมกันในหมู่สมาชิกผ่านการประชุมแบบตัวต่อตัวและการประชุมทางไกลเพื่อระบุปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่และกำหนดแนวทางร่วมกัน

ดูข้อมูลเพิ่มเติม: www.bsr.org/en/collaboration/groups/responsible-luxury-initiative


คาร์เทียร์ขยายนโยบายความรับผิดชอบขององค์กรนอกเหนือจากเครื่องประดับและการผลิตนาฬิกา เพื่อให้ครอบคลุมหน้าที่ในการเป็นแบบอย่างในอุตสาหกรรมน้ำหอม

น้ำหอมและสินค้าที่มีกลิ่นหอมของคาร์เทียร์ล้วนปราศจากการทดสอบกับสัตว์ในยุโรปหรือสถานที่อื่นๆ และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านน้ำหอมและเครื่องสำอางฉบับปัจจุบันในยุโรปอย่างเคร่งครัด

กลยุทธ์การพัฒนาของเราทำให้เรามองไกลเกินกว่ากฎระเบียบที่มีอยู่ และตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อคงไว้ซึ่งรายการส่วนประกอบที่ “เปราะบาง” ซึ่งเราห้ามหรือจำกัดการใช้ตามมาตรฐานของเรา ในขณะเดียวกันเราก็ดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้กีดขวางกระบวนการสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่อง

น้ำหอมคาร์เทียร์ที่ผลิตในปัจจุบันไม่มีส่วนผสมที่สกัดมาจากสัตว์ทุกชนิดซึ่งรวมถึงชะมดและบีเวอร์ แม้ว่ากฎหมายฉบับปัจจุบันจะอนุญาตให้ใช้ส่วนผสมนี้ได้ก็ตาม มีเพียงส่วนผสมที่เป็นผลพลอยได้จากสัตว์แบบเป็นกลาง เช่น น้ำผึ้ง เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสูตรน้ำหอมของคาร์เทียร์ภายในช่วงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องในหมวดหมู่โลชั่นบำรุงผิวกาย เจลอาบน้ำ ผลิตภัณฑ์หลังการโกนหนวด ฯลฯ

คู่ค้าและซัพพลายเออร์ที่จัดหาสารสกัดจากพืชของเราต่างสนับสนุนอย่างแข็งขันในด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพืช เราสนับสนุนการดำเนินการของพวกเขาผ่านความคิดสร้าสรรค์ การพัฒนา และกิจกรรมการแสวงหาแหล่งวัตถุดิบต่างๆ ของเรา (เช่น เราจัดหาไม้จันทน์มาจากออสเตรเลียนับตั้งแต่ไม้จันทน์ได้รับการจัดประเภทให้เป็นพันธุ์ไม้หายากในอินเดีย)

เพื่อให้เป็นไปตามปรัชญาด้านความรับผิดชอบขององค์กร เรามุ่งมั่นที่จะจัดซื้อวัสดุที่ใช้ในการประดิษฐ์และบรรจุสินค้าของเราจากแหล่งที่มาที่มีความรับผิดชอบ

กระดาษและวัสดุสิ่งพิมพ์

นอกจากการใช้กระดาษ TCF (กระบวนการผลิตที่ไม่มีการใช้สารคลอรีนใดๆ) และ ECF (กระบวนการผลิตที่ลดการใช้สารคลอรีน) คาร์เทียร์มุ่งมั่นที่จะเลือกใช้กระดาษจากป่าที่มีการจัดการด้วยวิธีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์

นโยบายของเราคือการจัดหาแหล่งวัสดุอย่างเป็นระบบจากป่าที่มีการจัดการด้วยความรับผิดชอบ โดยต้องมีการรับรองห่วงโซ่การควบคุมผลิตภัณฑ์จากป่าไม้และวัสดุของซัพพลายเออร์

บรรจุภัณฑ์

ในการบรรจุสินค้า คาร์เทียร์มอบหมายให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญทำการวิเคราะห์วัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ (LCA) สำหรับสินค้าซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราสองรายการ ได้แก่ ถุงสีแดงและกล่องของขวัญสีแดงของคาร์เทียร์ที่ใช้สำหรับสินค้าคาร์เทียร์ทั้งหมด สินค้าบรรจุภัณฑ์ทั้งสองประเภทได้รับการคัดเลือก เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์และต้องใช้ควบคู่กับสินค้าชื้นอื่นเสมอ โดยมีการใช้งานบ่อยครั้งในบูติคของเราทุกแห่งเพื่อบรรจุนาฬิกา เครื่องประดับอัญมณี และแอคเซสเซอรี่

การวิเคราะห์วัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ครอบคลุมการเก็บข้อมูลจำนวนมากในการใช้วัตถุดิบ กระบวนการผลิต และการขนส่งสินค้าทั้งสองประเภท

การศึกษาเน้นหนักในด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่มีศักยภาพและยังเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยการสนับสนุนให้ทีมจัดซื้อทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการค้นคว้าวัสดุเส้นใยทางเลือกที่ยั่งยืนเพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทน

ถุงช็อปปิ้งสีแดงของเราทำมาจากกระดาษที่รับรองโดย FSC (Forest Stewardship Council) หรือ PEFC (Endorsement of Forest Certification schemes)

นับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2009 กล่องสีแดงของคาร์เทียร์ทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม ในส่วนกระดาษห่อและกระดาษซ้อน และยังใช้สารเคลือบผิวที่ปราศจากตัวทำละลายและพลาสติก กระดาษที่เราใช้หุ้มกล่องสีแดงมีปริมาณเส้นใยรีไซเคิล PCW 50% และเป็นกระดาษที่รับรองโดย FSC

ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ

เราได้ขยายการวิเคราะห์แหล่งที่มาและวัสดุที่เราใช้นอกเหนือจากวัสดุล้ำค่าและกระดาษ เพื่อให้ครอบคลุมวัสดุสิ่งทอด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมของคาร์เทียร์

ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราทำการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับเครื่องมือบริการหลังการขายของเรา (กระเป๋าผ้าสีแดงสำหรับเครื่องประดับอัญมณี นาฬิกา และแอคเซสเซอรี่) นับตั้งแต่ปี 2011 กระเป๋าสำหรับบริการหลังการขายของเราทำจากวัสดุที่เป็นไปตามมาตรฐาน OEKO-TEX® Standard 100

สถาบันนานาชาติ OEKO-TEX® เป็นการรวมตัวกันของพันธมิตรสถาบันวิจัยและทดสอบสิ่งทอชื่อดัง 15 แห่งในยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งมีสาขาและศูนย์ข้อมูลอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 15 ประเทศทั่วโลก

OEKO-TEX® Standard 100 เป็นมาตรฐานระบบการทดสอบและรับรองวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์กึ่งสําเร็จรูป และผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่มาจากสิ่งทอในทุกขั้นตอนของการผลิต โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรับประกันว่าผลิตภัณฑ์นั้นปราศจากสารอันตราย รายการเกณฑ์การทดสอบประกอบด้วยตัวแปรสำหรับการทดสอบมากกว่า 100 รายการ

ตั้งแต่ปี 2013 เครื่องแบบของพนักงานประจำบูติคทั้งหมดล้วนผลิตจากวัสดุที่ตรงตามมาตรฐาน OEKO-TEX® Standard 100 การขยายขอบเขตการวิเคราะห์และการดำเนินการของเราไปสู่สิ่งทอระดับมืออาชีพ เป็นการขยายแนวทางความรับผิดชอบต่อสังคมของคาร์เทียร์โดยสมัครใจ

แม้เราจะตระหนักดีว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงของเรานั้นมีปริมาณเพียงเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับภาคธุรกิจอื่น หากแต่เราก็มุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบของเราที่มีต่อธรรมชาติผ่านโครงการริเริ่มการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบูติคของเรา ตลอดจนการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในโรงงานผลิต และการสนับสนุนโครงการริเริ่มในการสร้างความตระหนักรู้

การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

เราตระหนักว่าเรามีบทบาทในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงทำให้เรามีการวัดปริมาณการปล่อยก๊าซของเราในแต่ละปีและตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซ

เราคำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเราโดยใช้แม่แบบที่ปรับมาจากมาตรฐานการจัดทำบัญชีและการรายงานก๊าซเรือนกระจก (GHG) ซึ่งเป็นเครื่องมือของสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (WBCSD) มาตรฐานนี้เป็นแม่แบบที่ได้รับการยอมรับตามหลักสากลในด้านการจัดทำบัญชีและการรายงานก๊าซเรือนกระจก

บูติคคาร์เทียร์แสดงถึงพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม

เครื่องประดับและนาฬิกาจำเป็นต้องมีการประดับไฟคุณภาพดีและความแรงสูง

ด้วยความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจเนื่องจากการจัดไฟส่องสว่างในบูติค คาร์เทียร์จึงได้ออกแบบแนวคิดการจัดแสงใหม่โดยมุ่งเน้นที่การปรับให้สอดคล้องกับความต้องการแสงสว่างภายในร้านและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย

เราเริ่มต้นจากการทำงานกับซัพพลายเออร์เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างรับผิดชอบตั้งแต่ปี 2002 ในเวลาต่อมา คาร์เทียร์ได้มอบหมายให้พันธมิตรพัฒนาเทคโนโลยี LED ที่มีคุณภาพแสงเท่าเดิมแต่ใช้พลังงานน้อยลง 50% และลดการปล่อยความร้อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานโดยรวมได้อย่างมาก

กฎการจัดไฟส่องสว่างของคาร์เทียร์นั้นรวมข้อกำหนดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนฉบับล่าสุด และยังสอดคล้องกับแหล่งกำเนิดแสงไฟแบบใหม่ตามมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมสำหรับภาคการก่อสร้าง HQE ของฝรั่งเศสฉบับใหม่ มาตรฐาน HQE ใช้หลักสามประการและข้อกังวลด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวัฏจักรชีวิตของการก่อสร้าง

คาร์เทียร์เป็นผู้ริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงโดยนำหลอดไฟ LED มาใช้ในการจัดแสดงนาฬิกาและเครื่องประดับ ระบบการจัดไฟแบบใหม่นี้นำมาใช้ครั้งแรกในโคมไฟตั้งโต๊ะและตู้โชว์ติดผนังในปี 2009 และขยายไปเป็นที่เคาน์เตอร์และไฟติดผนังในปี 2010 และในปี 2012 บูติคแห่งใหม่ของเราทั้งหมดติดตั้งไฟ LED อย่างเป็นระบบ

ความไว้วางใจเป็นกุญแจสำคัญในโลกแห่งเครื่องประดับอัญมณีและนาฬิกา ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่หลอมรวมคาร์เทียร์และลูกค้าเข้าไว้ด้วยกันในทุกๆ ด้าน อาทิเช่น คุณภาพและแหล่งที่มาของหินอัญมณี ความงามและความเป็นเอกลักษณ์ของชิ้นงาน ความเป็นเลิศของช่างฝีมือ ระดับของประสิทธิภาพในการทำงานทางเทคนิค บริการที่เอาใส่ใจ และการบริหารจัดการที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในโลกที่มีความห่วงใยต่ออนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ

นโยบายความรับผิดชอบขององค์กรของคาร์เทียร์เป็นรากฐานให้บริษัทมีพันธกิจด้านจรรยาบรรณ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดแนวทางการทำงานอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้จิตวิญญาณที่แสวงหาความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องที่พนักงานและซัพพลายเออร์ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรามีร่วมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบห่วงโซ่แห่งคุณค่านี้

โปรแกรมการตรวจสอบซัพพลายเออร์

เราปรารถนาให้คู่ค้าทางธุรกิจของเรายึดถือมาตรฐานระดับสูงตามที่เรากำหนดไว้เพื่อเป็นเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจของเรา เราตรวจสอบการดำเนินงานจริงตามนโยบายนี้ในห่วงโซ่อุปทานของเราผ่านโปรแกรมการตรวจสอบที่ครอบคลุมทั้งหมดโดยเริ่มนำมาใช้ในปี 2007

เรามีบริษัทอิสระระดับสากลที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบความรับผิดชอบต่อองค์กรนี้ การตรวจสอบนี้ครอบคลุมเกณฑ์กว้างๆ เพื่อประเมินการทำงานของซัพพลายเออร์ในด้านจรรยาบรรณ สังคม และสิ่งแวดล้อม เราใช้โปรแกรมนี้กับซัพพลายเออร์ในกลุ่มสินค้าทั้งหมดในธุรกิจทุกประเภท นับตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงการผลิต ตลอดจนการบรรจุภัณฑ์และการตกแต่งบูติค ซึ่งพัฒนาขึ้นภายใต้เจตนารมณ์ในการเป็นพันธมิตรกับซัพพลายเออร์ และยังกระตุ้นให้เกิดกระบวนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดนี้ ภายใต้เจตนารมณ์ดังกล่าวประกอบกับความปรารถนาอันเด็ดเดี่ยวเพื่อความเป็นเลิศนี้ คาร์เทียร์รับประกันว่าโรงงานผลิตของบริษัทผ่านการตรวจสอบโดยใช้แนวทางเดียวกัน ก่อนที่จะนำออกไปสู่ซัพพลายเออร์ภายนอก (ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2)

“กฎหมายว่าด้วยความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานของรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2010"

กฎหมายว่าด้วยความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานของรัฐแคลิฟอร์เนีย ปี 2010 (SB 657) ซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2012 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ร่างขึ้นเพื่อเพิ่มข้อมูลที่ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจัดทำขึ้นในความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาการค้าแรงงานมนุษย์และทาส ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่มากขึ้นเพื่อประกอบการตัดสินใจที่ดีกว่าเดิมในการเลือกซื้อสินค้าและเลือกสนับสนุนบริษัทนั้นๆ

ซัพพลายเออร์ของเราทุกรายจะต้องยึดมั่นต่อนโยบายความรับผิดชอบขององค์กรของคาร์เทียร์ ดังนี้:

  • เราเชื่อและเคารพในสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ
  • เราจะไม่ยอมให้เกิดการใช้แรงงานเด็ก
  • เราจะไม่ใช้แรงงานที่ถูกบังคับ แรงงานที่ถูกผูกมัด แรงงานขัดหนี้หรือแรงงานนักโทษ และจะไม่ลิดรอนเสรีภาพในการเคลื่อนไหวใดๆ ของพนักงานและผู้ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบ


ซัพพลายเออร์ของคาร์เทียร์จะต้องได้รับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระบุคคลที่สาม เพื่อทำการประเมินอย่างถี่ถ้วนในประเด็นด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบและสังคม ซึ่งรวมถึงประเด็นด้านการบังคับใช้แรงงานด้วย