นาฬิกา Santos de Cartier - คาร์เทียร์

นวัตกรรมอันต่อเนื่อง

การแสวงหาการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือจุดมุ่งหมายของคาร์เทียร์ แรงปรารถนาของความต้องการสร้างสรรค์ได้กลายมาเป็นพลังขับเคลื่อนที่อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมใหม่มากมายในการผลิตนาฬิกา ในปี ค.ศ. 1904 คาร์เทียร์ได้ประดิษฐ์นาฬิกาเรือนแรกที่ออกแบบขึ้นเพื่อการสวมใส่บนข้อมือ นับแต่นั้นเป็นต้นมา คาร์เทียร์ได้ยื่นจดสิทธิบัตรแล้วมากกว่า 100 ฉบับ และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจวบจนถึงปัจจุบันนี้

หลักการโฟโตโวลตาอิก

ศูนย์วิจัยและห้องปฏิบัติการนวัตกรรมดำเนินการสร้างกลไกประสบผลสำเร็จด้วยการใช้หลักการโฟโตโวลตาอิกหรือการผลิตไฟฟ้าจากแสงตกกระทบกับหน้าปัดของนาฬิกาแทงก์ (Tank) โดยไม่บดบังความงามของนาฬิกา ความสำเร็จทางเทคนิคที่แท้จริงต้องอาศัยความประณีตและการเจาะหลักชั่วโมงเลขโรมันเป็นช่องโปร่งใส เพื่อให้พลังงานจากแสงแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้าประจุเก็บไว้ในเซลล์พลังงานโฟโตโวลตาอิกที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด ทีมนักพัฒนาต้องใช้ระยะเวลาสองปีในการรวมกลไกพลังงานแสง โซลาร์บีท (SolarBeatTM) ซึ่งมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 16 ปี ไว้ในนาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) ซึ่งเป็นเรือนเวลารุ่นแรกที่ได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวนี้

นวัตกรรมของสายนาฬิกา ผลิตโดยไม่ใช้วัสดุที่มาจากสัตว์

นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) เป็นผลงานริเริ่มสร้างสรรค์สายนาฬิกาที่ประดิษฐ์จากนวัตกรรมใหม่โดยไม่ใช้ผลิตภัณที่มีส่วนประกอบของสัตว์พร้อมรับประกันคุณภาพและความสบายระดับสูง<br>ผลิตจากพืชราว 40% ที่นำมาสร้างสรรค์โดยใช้เศษแอปเปิ้ลเหลือทิ้ง กระบวนการผลิตนับเป็นการก้าวหน้าในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงการประหยัดน้ำและพลังงานเมื่อเทียบกับการผลิตนาฬิกาสายหนังลูกวัว ซึ่งคาร์เทียร์ได้เข้าถึงกลุ่มท้องถิ่นภายในทวีปยุโรป อาทิ การใช้แอปเปิ้ลที่ปลูกเพื่ออุตสาหกรรมและเหลือทิ้งในยุโรป แหล่งผลิตวัสดุในอิตาลี ไปจนถึงผู้ผลิตสายนาฬิกาในโปรตุเกส และการประกอบนาฬิกาในสวิตเซอร์แลนด์

บัคเคิลแบบพับและถอดเปลี่ยนได้

หัวบัคเคิลแบบพับและถอดเปลี่ยนได้นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากหัวบัคเคิลแบบพับได้ของคาร์เทียร์รุ่นดั้งเดิม ปัจจุบันได้รับการจดสิทธิบัตร ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของแผนงานที่ใช้ระยะเวลา 3 ปี โดยแต่ละรายละเอียดได้ผ่านการออกแบบด้วยความตั้งใจเพื่อความปลอดภัยระดับสูง สะดวกสบาย และการปรับแต่งในรูปแบบส่วนตัว